The Sound of Magic : โอม รักเอยจงมา

 รีวิว โอม รักเอยจงมา Annarasumanara: The Sound of Magic 


ชื่อเรื่อง : The Sound of Magic (안나라수마나라)
ชื่ออื่น : Annarasumanara
ประเภท : แฟนตาซี / ดราม่า
กำกับโดย : คิมซองยุน (จาก Itaewon Class)
เขียนบทโดย : คิมมินจอง (ดัดแปลงจากเว็บตูนของ ฮาอิลควอน)
จำนวน : 6 ตอน
ออกอากาศ : เริ่มวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2022
ช่องทางรับชมอย่างถูกลิขสิทธิ์ในประเทศไทย : Netflix

"โอม รักเอยจงมา Annarasumanara : The Sound of Magic" ซีรีส์แฟนตาซีมิวสิคัลที่ได้รับการดัดแปลงมาจากเว็บตูนเรื่อง "อันนาราซูมานารา" โดยได้นักแสดงนำอย่างพี่อุคจ๋า "จีชางอุค" ร่วมด้วย "ชเวซองอึน" และ "ฮวังอินยอบ" มารับหน้าที่หลักในการถ่ายทอดเรื่องราวของสวนสนุกแห่งเวทมนตร์ ซึ่งทาง Netflix เองก็ใจดีปล่อยทีเดียว 6 ตอนรวดให้ได้ชมกันอย่างจุใจ ว่าแต่เรื่องราวจะเป็นมาอย่างไรและความเห็นหลังชมของเจย์นั้นจะออกมารูปแบบไหนเราไปอ่านกันเลยจ้า
จีชางอุค รับบท (รีอึล/รยูมินฮยอก) นักมายากลผู้มีเวทมนตร์และตัวตนที่ลึกลับ เขาอาศัยอยู่ที่สวนสนุกร้างที่เนินเขา ที่นี่มันเคยรุ่งเรืองมีผู้คนมากมายเคยมีความทรงจำอันแสนหวาน ณ ที่แห่งนี้รวมถึงตัวของรีอึลเอง เพียงแค่เขาก้าวย่างเข้ามายังสวนสนุกเขาก็จะมีความสุขราวกับตัวเองนั้นเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น

ชเวซองอึน รับบท (ยุนอาอี) เด็กสาววัย 17 ปีที่ต้องแบกรับภาระที่พวกผู้ใหญ่ไร้ความรับผิดชอบทิ้งเอาไว้ ทั้งหนี้ก้อนโตและต้องหาเลี้ยงน้องสาวเพียงลำพัง เธอเรียนที่โรงเรียนชื่อดังพร้อม ๆ กับการทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วยเพียงเพื่อหาเงินเลี้ยงปากท้อง ด้วยฐานะและสถานภาพที่ไร้ผู้ปกป้องเธอจึงถูกพวกผู้ใหญ่ไร้ความเมตตาบีบให้เธอต้องทำหลาย ๆ อย่างที่เธอไม่อยากจะทำ


ฮวังอินยอบ รับบท (นาอิลดึง) เพื่อนร่วมโต๊ะเรียนของ ยุนอาอี เขาเกิดมาในตระกูลร่ำรวยและเคร่งครัด อิลดึง จึงถูกบีบคั้นให้ต้องใช้ชีวิตอย่างเพอร์เฟกต์ไร้ที่ติ พ่อแม่ของเขาปูทางลาดยางอย่างดีเพื่อให้เขาเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างสบายไร้ขวากหนาม ทว่าสิ่งเหล่านี้ตัวอิลดึงนั้นไม่ได้ต้องการมันสักนิดเขาต้องการเพียง “อิสระ” ที่อยากจะทำอะไรก็ได้อย่างที่ใจเขาต้องการ


คุณเชื่อ…เรื่องเวทมนตร์หรือเปล่า?” คำถามสุดเพ้อฝันออกมาจากปากชายปริศนา ยุนอาอี นิ่งอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะออกฝีเท้าวิ่งฝ่าความมืดพร้อมกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว “กรี๊ด!!”


ยุนอาอี เด็กสาววัย 17 ปีที่มีชีวิตค่อนข้างลำบากไร้ที่พึ่งพิง ไร้ผู้คนคอยช่วยเหลือ ต้องหาเลี้ยงน้องสาวเพียงลำพัง ชีวิตของเธอนั้นถึงแม้จะลำบากโดดเดี่ยวแต่ก็เรียบง่าย กระทั่งเธอได้พบกับชายปริศนาคนหนึ่งที่เชื่อว่าตนนั้นมีเวทมนตร์ รีอึล เขาเป็นนักมายากลที่อาศัยอยู่ที่สวนสนุกร้างในเมืองนี้ 


รีอึล จะปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือ ยุนอาอีทุกครั้งยามที่เธอตกที่นั่งลำบาก จนทั้งสองมีความสนิทสนมไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง และในทุก ๆ ครั้งที่พวกเขาได้พบกัน รีอึลมักจะทำสิ่งเหนือธรรมชาติราวกับว่าเขามีเวทมนตร์จริง ๆ ต่อมา นาอิลดึง เพื่อนร่วมโต๊ะเรียนของยุนอาอีเข้าใจผิดไปว่านักมายากลสุดลึกลับคนนี้กำลังล่อลวงผู้เยาว์อย่าง อาอี ไปทำมิดีมิร้าย 

จึงทำให้ นาอิลดึง ได้ก้าวเข้าไปยังโลกแห่งเวทมนตร์นี้เช่นกัน รีอึลพยายามจะทำให้ผู้หมดศรัทธาในเวทมนตร์อย่าง ยุนอาอี และ นาอิลดึง กลับมาเชื่อในพลังพิเศษเหนือธรรมชาติอีกครั้ง จึงร่ายมนตร์ "อันนาราซูมานารา" ให้ทั้งคู่ได้ประจักษ์แก่สายตาว่าเวทมนตร์นั้นไม่ใช่เรื่องเฟ้อฝัน 


ถ้าเป็นฝั่งตะวันตกเราจะคุ้นชินกับซีรีส์หรือหนังแนวมิวสิคัลแบบนี้เป็นอย่างดี พอมาเป็นฝั่งเกาหลีบ้างสารภาพตามตรงเลยว่ายังไม่เคยลองหาซีรีส์แนวมิวสิคัลของเกาหลีดูเลยสักครั้ง แต่พอได้ลองสัมผัสดูแล้วเนื้อร้องในเพลงไม่ติดนะ ไพเราะไหลลื่นและทำฉากเปิดได้ดีเลยทีเดียว แต่ในตอนอื่น ๆ ฉากมิวสิคัลจะมาน้อย ๆ ไม่จัดหนักอลังการงานเอ็กซ์ตร้าฟู

แต่การันตีเพลงเพราะทุกเพลง ส่วนตัวเจย์ชอบฉากมิวสิคัลที่มีเนื้อหาเสียดสีสถาบันการศึกษาและสถาบันครอบครัวมาก ๆ ตัวละคร นาอิลดึง คือสูตรสำเร็จของเด็กที่ใช้ชีวิตตามความฝันของพ่อแม่ ไม่มีปากมีเสียงทำได้เพียงแต่ทำตามคำสั่ง ไม่เคยคิดเผื่อด้วยซ้ำว่าตนต้องมีความใฝ่ฝันอะไรในอนาคต ราวกับว่าชีวิตเขาเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมมาให้เรียนและใช้เกรดโจมตีคู่ต่อสู้นั่นคือเพื่อนร่วมเรียน

นอกจากดราม่าหนึ่งกรุบเรื่องโปรแกรมหุ่นยนต์ลูกรักแล้ว ดราม่าของฝั่งตัวละคร ยุนอาอี ก็คือชีวิตรันทดมากแม่คุณสารพัดอันพันสิ่งที่ตัวละครตัวนี้โดน และใด ๆ คือผู้ใหญ่ในเรื่องนี้ร้ายมาก ผู้แต่งแทบจะรวบเอาลักษณะของผู้ใหญ่ร้าย ๆ มาไว้ในเรื่องนี้หมดเลยก็ว่าได้ พอดู ๆ ไปเจย์รู้สึกว่าแฟนตาซีแผ่วไปเลย ประเด็นดราม่าเบียดขึ้นมากลบแบบแย่งซีนเหมือนใส่ชุดแดงไปงานแต่งแฟนเก่า นอกจากปมเบื้องลึกเบื้องหลังของแต่ละตัวละครแล้ว ก็ยังมีการพูดถึงประเด็นการแบ่งชนชั้นการเหยียดฐานะรวมไปถึงการเลือกปฏิบัติในสถานศึกษาด้วย 


จริง ๆ พอได้ชมแล้วรู้สึกว่าชื่อไทยค่อนข้างฉีกจากเนื้อเรื่องพอสมควรเพราะประเด็นที่เคี่ยวแบบข้นคลั่กคือ “การก้าวข้ามวัย” ไม่ใช่แนวรักเอยเตยหอม สำหรับเจย์ถือเป็นซีรีส์แนว “Coming of age” ที่เล่าถึงมุมมองของเด็กวัยรุ่นที่เจ็บปวดเพราะครอบครัวและสังคมได้ดีทีเดียว อีกหนึ่งจุดที่เจย์ชอบมากในเรื่องนี้คือบทพูดค่อนข้างเฉียบมีหลาย ๆ ประโยคที่มันจิ้มจึ้กลงกลางใจเยาวรุ่นวัยสร้างตัวอย่างชาวเรา

เช่น “ทำไมพวกเราต้องพยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้แปลกไปจากมาตรฐานของคนอื่น” เป็นเศร้าเป็นซับน้ำตาเพราะมันคือเรื่องจริงที่ตัวเจย์นั้นสัมผัสมา สังคมมักจะตีกรอบสร้างบรรทัดฐานว่าคนที่ประสบความสำเร็จต้องเป็นแบบนี้แบบนั้น และมักจะมองพวกที่แปลกแยกอย่างเจย์ที่ยึดอาชีพไม่ตรงตามมาตรฐานของสังคมว่าแปลกหรืออาจจะมองแย่กว่านั้น ต้องกราบขอบพระคุณผู้สร้างจริง ๆ ที่เป็นปากเป็นเสียงแทน

เรื่องนี้พากย์ไทยเสียงละมุนดีนะคะแต่พอมาฟังแบบเสียงออริจินอลก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ ในส่วนเนื้อร้องของเพลงนั้นไม่มีเสียงไทยนะคะมีแต่เสียงเกาหลีออริจินอล แอบอยากให้ Netflix นำเพลงมาทำเนื้อร้องไทยบ้างจังน่าจะไพเราะน่าดู ด้านโปรดักชั่นภาพ แสง สี เสียง รวมไปถึงวิชวลเอฟเฟกต์ในสายตาเจย์เพอร์เฟกต์ทุกอย่างไม่มีที่จะติ แต่ขอติทีมเมคอัพนิดนึงบางซีนแต่งหน้าออกมาดีคลีนมากแต่บางมุมในฉากที่แสงถูกจัดให้อึมครึมมีบางช้อตที่เมคอัพอย่างแกง

ในส่วนของคอสตูมเบสออนของแต่ละคาแรกเตอร์ไม่หวือหวาเน้นเรียลไลฟ์ เป็นชุดที่ใส่จริง ๆ โดยทั่วไป ยกเว้นชุดผ้าคลุมของคุณนักมายากลคนหล่อกับหมวกทรงสูงของเขา ด้านนักแสดงนั้นสามนักแสดงนำของเรื่องเล่นดีเหลือเกิน ซีนอารมณ์เจย์แบบซึมตามไปด้วยเลยอากัปกิริยาของแต่ละท่านคือส่งอารมณ์ให้คนดูสุด ๆ หน้าสั่นปากสั่นหูตาแดง ดีจริงค่ะทุกท่านต้องไปลองสัมผัส 


ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : รีวิวหนัง

ติดตามเนื้อเรื่องอื่น ๆ : รีวิวหนังภาพยนต์

อ่านเพิ่มเติม : รีวิวหนังดัง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Huesera The Bone Woman : สิงร่างหักกระดูก

เปิดรายชื่อภาพยนตร์นักแสดงคนเดียวตลอดทั้งเรื่อง