My Liberation Notes : ปล่อยใจสู่เสรี

 

ซีรีส์ My Liberation Notes ปล่อยใจสู่เสรี เรื่องสุขเศร้าเคล้าน้ำตาของสามพี่น้องกับหนึ่งชายขี้เมา


จำนวนตอน : 16 ตอน

ประเภท : ชีวิต ,โรแมนติก ,ดราม่า

ออกอากาศ : ทุกวันเสาร์ - วันอาทิตย์ (21.30 น.)

ช่อง : JTBC

สามารถรับชมซับไทยได้ที่ : Netflix

My Liberation Notes ปล่อยใจสู่เสรี เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าจับตามองด้วยชื่อชั้นของ นักเขียนพัคแฮยอง เจ้าของผลงานซีรีส์ชื่อดังอย่าง Another Miss Oh (2016) และ My Mister (2018) ที่ตั้งใจรังสรรค์บทละครอย่างละเมียดละไมจนคว้ารางวัลแพคซังมาได้สำเร็จ การกลับมาครั้งนี้ได้ทำงานร่วมกับ ผู้กำกับคิมซอกยุน จากซีรีส์ The Light in Your Eyes (2019) ผู้ที่เป็นคนขับเคี่ยวพลังของนักแสดงอย่าง นัมจูฮยอก จนทำให้หลายคนเห็นถึงพัฒนาการที่ก้าวกระโดดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

หมู่บ้านซานโพพื้นที่ชนบทในเขตจังหวัดปริมณฑลคยองกี เป็นฉากหลังที่ปรากฏให้เห็นเป็นส่วนใหญ่ของซีรีส์เรื่องนี้ เพื่อบอกเล่ากิจวัตรประจำวันของ สามพี่น้องสกุลยอม ที่ล้วนต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไปทำงานประจำที่กรุงโซล ซ้ำยังต้องรีบสะสางภาระรายวันให้แล้วเสร็จก่อนรถไฟเที่ยวสุดท้ายจะหมดลง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกเขาเผชิญกับความซ้ำซากจำเจ เหน็ดเหนื่อยและถูกการเดินทางกลืนกินพื้นที่ส่วนตัวจนถูกขังอยู่ในชีวิตที่ขาดสีสัน แต่ถึงกระนั้นพวกเขาต่างกำลังค้นหาหนทางในการปลดแอกจากชีวิตอันจืดชืดไปสู่อิสรภาพที่แท้จริง

ยอมกีจอง (รับบทโดย อีเอล) พี่สาวคนโตที่มาพร้อมกับบุคลิกเจ้าอารมณ์ ขี้โมโห จู้จี้ขี้บ่นและพูดจาชนิดมะนาวไม่มีน้ำ ปัญหาเรื่องบ้านไกลทำให้เธอรู้สึกสูญเสียช่วงเวลาวัยเยาว์อันมีค่า ซ้ำยังทุ่มเทให้กับชีวิตทำงานแบบหมดหน้าตักแต่ได้รับผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า จนถึงวันนี้ขนาดความฝันของเธอกำลังหดเล็กลงเรื่อย ๆ และไม่วายเป็นหญิงสาวที่มีปัญหากับทรงผมจนบางครั้งเธอต้องการใบมีดโกนสักเล่มที่สามารถโกนได้ทั้งเส้นผมบนศีรษะและชีวิตเส็งเคร็งที่กำลังพบเจอ

ในขณะที่ ยอมชางฮี (รับบทโดย อีมินกิ) ลูกชายคนกลางที่ถูกละเลยจากครอบครัว ซ้ำยังถูกสาวที่รักเทมาหมาด ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเป็นคนเชยจนเกินเยียวยา ยอมชางฮีปรารถนาที่จะโยกย้ายตัวเองไปใช้ชีวิตยังเมืองหลวง ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกเพื่อเดินทางไปมาหาสู่และใช้เวลากับคนรัก แต่แผนชีวิตทั้งหมดของเขากลับถูกตีตกจากพ่อแม่เพราะพฤติกรรมการใช้เงินของเขาในอดีต จึงทำให้ยอมชางฮีกลายเป็นผู้ชายธรรมดาที่ใช้ชีวิตไปอย่างเปล่า ๆ ปลี้ ๆ ปราศจากความทะเยอทะยานไปโดยปริยาย

น้องเล็กอย่าง ยอมมีจอง (รับบทโดย คิมจีวอน) หญิงสาวที่มีนิสัยเก็บตัวและขี้อาย เธอประสบปัญหาการเข้าสังคมด้วยเหตุผลที่บ้านอยู่ไกลทำให้ไม่มีเวลาหลังเลิกงานไปทำกิจกรรมชมรมของบริษัท การปลีกตัวออกจากเพื่อนร่วมงานทำให้เธอถูกมองเป็นคนน่าเบื่อ แต่ปมในใจเหล่านั้นกลับถูกเติมเต็มเมื่อเธอได้เข้าไปพัวพันกับ มิสเตอร์กู (รับบทโดย ซนซอกกู) แรงงานจ้างที่ใช้ชีวิตอยู่กับขวดเหล้าเป็นอาจิณ ทว่าภายใต้บุคลิกเงียบขรึมนั้นไม่มีใครล่วงรู้เหตุผลที่ชายคนนี้เดินทางมายังหมู่บ้านซานโพ พื้นที่กันดารที่ไม่มีใครอยากเอาชีวิตมาทิ้งให้เปล่าประโยชน์

หลายครั้งที่มีการหยิบชีวิตของคนเมืองที่หลีกหนีจากความวุ่นวายมาอยู่ชนบท แต่สำหรับเรื่องนี้ดูจะสวนทางกับภาพเดิมที่เคยคุ้นตา เมื่อตัวละครหลักกลับเป็นตัวแทนของคนต่างจังหวัดที่ต้องสู้รบปรบมือกับความวุ่นวายในเมืองแทน ถือเป็นการนำเสนอเรื่องราวที่รสชาติแปลกใหม่ไปอีกแบบ แต่ถึงอย่างไรในโลกยุคปัจจุบันเราต่างพบเห็นผู้คนกลุ่มนี้เป็นปกติ ความน่าสนใจจึงมาจากการขายพล็อตที่สมจริงและจับต้องได้ โดยเฉพาะบรรดาหนุ่มสาวบ้านไกลที่หมดเวลาไปกับการยืนโหนรถเมล์น่าจะจุกอกอยู่พอสมควร

การนำเสนอชีวิตของคนชนบทกับคนเมืองทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ เห็นความสุดโต่งของกิจวัตรประจำวันที่ต่างกันไปโดยสิ้นเชิง ในขณะที่คนเมืองใช้เวลาไปกับการนอนพักผ่อนหรือออกไปเช็กอินยังคาเฟ่เพื่อจิบกาแฟในวันหยุดสุดสัปดาห์ ทว่าสามพี่น้องที่เหน็ดเหนื่อยจากงานประจำยังต้องตื่นมาทำงานบ้านหรือออกไปช่วยพ่อแม่เก็บเกี่ยวต้นหอมท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ ความคอนทราสต์ดังกล่าวยิ่งตอกย้ำความยากลำบากของคนต่างจังหวัดที่ดิ้นรนตัวเป็นเกลียวเพื่ออนาคตที่ดี ทั้งนี้ยังแอบเห็นมุมอบอุ่นสไตล์ชาวบ้านที่รวมตัวกันรับประทานอาหารและพูดคุยจิปาถะในวันว่างอีกด้วย

ซีรีส์นำพาไปสัมผัสความยากลำบากในวัยผู้ใหญ่ที่สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับอย่างแท้จริง เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ อย่างปัญหาระยะทาง กลับเป็นต้นเหตุสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างปฏิเสธไม่ได้ ชนชั้นกลางที่เป็นคนต่างจังหวัดในเมืองใหญ่ต้องเผชิญกับการต่อสู้ดิ้นรนทุกวินาที ความยากลำบากทำให้เกิดปฏิกิริยาด้อยค่าตัวเองอย่างไม่รู้ตัว อีกทั้งสภาพสังคมที่บีบคั้นเข้ามาทุกทางไม่ว่าจะเป็นชนชั้น สภาพเศรษฐกิจ คู่ครอง และการมีครอบครัว เมื่อปีนกำแพงที่รายล้อมออกไปไม่ไหวจึงทำให้คนกลุ่มนี้ต้องจำนนต่อโชคชะตาและกลายเป็นผู้แพ้ไปโดยปริยาย

My Liberation Notes ปล่อยใจสู่เสรี ยังคงลายเซ็นการเล่าเรื่องของนักเขียนบทพัคแฮยองไว้อย่างแยบคาย เริ่มจากการกรีดแทงหัวใจผู้ชมให้กระอักน้ำตาไปกับสารพันปัญหาที่แต่ละตัวละครต้องประสบพบเจอ ให้ข้อคิดว่าบางครั้งความขมขื่นของชีวิตอาจเป็นยาชูกำลังชั้นดีที่ทำให้มนุษย์สามารถก้าวผ่านความยากเย็นแสนเข็ญมาได้แม้ระหว่างทางจะถูกเสี้ยนหนามเสียดแทงจนเกิดบาดแผลก็ตาม เพราะสิ่งเหล่านี้คือบททดสอบที่ไม่มีทางหาได้จากห้องเรียน จุดเริ่มต้นดูจะหดหู่วังเวงแต่หวังใจว่าบทสรุปสุดท้ายจะทำให้ผู้ชมยิ้มออกได้บ้าง


เป็นธรรมดาที่ซีรีส์แนวนี้จะดำเนินไปอย่างช้า ๆ ไดนามิกการเล่าเรื่องไม่ได้ฉูดฉาดจนทำให้รู้สึกตื่นเต้นตัวโยน แต่ถึงอย่างไรก็มีเส้นเรื่องความรักมาปลอบประโลมหัวใจได้บ้าง กับตัวละครมิสเตอร์กูที่นอกจากจะเป็นไพ่ใบสำคัญต่อชีวิตของสามพี่น้องแล้ว ยอมมีจองน้องเล็กยังเข้าไปพัวพันกับชายขี้เมาคนนี้จากการไหว้วานให้เขารับจดหมายทวงหนี้แทนเพราะไม่อยากให้พ่อแม่รู้อีกด้วย แต่ดูท่าทางจะเป็นความสัมพันธ์ที่คงต้องลุ้นหนักกันสักหน่อยเพราะต่างคนต่างพูดน้อยด้วยกันทั้งคู่ เป็นความรักของชายหญิง Introvert ที่มีความน่าสนใจอยู่มากทีเดียว



ติดตามข่าวสารเพิ่มเติม : รีวิวหนัง

ติดตามเนื้อเรื่องอื่น ๆ : รีวิวหนังภาพยนต์

อ่านเพิ่มเติม : รีวิวหนังดัง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Huesera The Bone Woman : สิงร่างหักกระดูก

เปิดรายชื่อภาพยนตร์นักแสดงคนเดียวตลอดทั้งเรื่อง